จากเด็กมัธยมคนหนึ่งที่ผ่านค่าย JWC#4 มา ก็ได้รู้ว่าด่านต่อไปคือ YWC แต่การสมัครค่ายรุ่นใหญ่ระดับมหา’ลัยนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด กว่า 3 ปีที่พยายามจะสมัคร แต่ก็ทำได้มากที่สุดแค่ “สำรองลำดับที่ 1” พอผ่านเข้าค่ายมาได้ ก็สติเกือบหลุดเพราะโปรเจคโหดเกิน และนี่คือจุดเริ่มต้นเรื่องราวของ เล็ก สาขา Content ทีม A ในค่าย Young Webmaster Camp รุ่นที่ 16 (YWC#16)
ควรจะไปต่อหรือพอแค่นี้ ย้อนกลับไป 3 ปีก่อน ตอนที่ผมเป็นอาสาสมัครจัดงาน Barcamp Bangkok 2016 ทีมพี่ว่านได้มาเปิดเซคชั่นพิเศษเกี่ยวกับค่าย YWC ซึ่งผมก็มีโอกาสได้ร่วมรับฟังในหัวข้อนี้ด้วย จนกระทั่งได้พบกับพี่มาร์ติน รุ่นพี่ค่าย YWC และยังเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ นนทบุรี พี่มาร์ตินตอบทุกคำถามที่ผมสงสัย พร้อมทั้งให้คำแนะนำ รวมไปถึงคอยกระตุ้นให้ผมสมัครค่ายในทุก ๆ ปี
YWC#14 เป็นครั้งแรกที่ได้สมัคร ก็เลือกสมัครสาขา Content ไป เพราะตอนอยู่ค่าย JWC#4 ก็เลือกเป็นสาขานี้ ผลปรากฏว่าติดรอบสัมภาษณ์ การบ้านปีนั้นจำได้เลยว่าทำได้แย่ที่สุด คิดงานไม่ออก หัวตื้อไปหมด ทั้ง ๆ ที่หัวข้อก็ไม่ได้ยากมาก เพียงแค่ให้ออกแบบ Content ที่ให้เห็นตระหนักถึงอุบัติเหตุบนท้องถนน + ทำ Business Model Canvas
YWC#15 ปีที่แล้วไม่ติดปีนี้ขอลองอีกสักครั้ง ก็ยังยืนหยัดที่จะเลือกสาขา Content เหมือนเดิม ผลปรากฏว่าติดรอบสัมภาษณ์ (อีกแล้ว) การบ้านในรอบนี้จะให้เลือกระหว่างทำให้คนเข้าใจเรื่องการกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ (Cyber bullying) กับ ทำให้คนไทยเปลี่ยนพฤติกรรมเสพติดหน้าจอ เสพติด Social หันมาพูดคุย เจอหน้ากันในชีวิตจริง ๆ ผมเลือกหัวข้อ Cyber Bullying ไปเพราะคิดว่าท้าทายดี และรูปแบบของการนำเสนอผมเลือกทำเป็นวิดีโอสั้น (วิดีโอที่ทำเพื่อส่งการบ้านในครั้งนี้ ) ขนาดสี่เหลี่ยมจัตุรัส ประกาศผลรอบสัมภาษณ์มาน่าจะเป็นอะไรที่ลุ้นสุดเพราะติดสำรองอันดับ 1 ท้ายที่สุดตัวจริงก็ไม่สละสิทธิ์เลยอดไปค่ายในปีนี้
สำรองอันดับ 1 มาในปีนี้ ซึ่งค่าย YWC#16 เปิดรับสมัครอยู่พอดี แต่ก็ชะล่าใจยังไม่อยากกรอกใบสมัคร จนปล่อยเวลาล่วงเลยมาถึงกลางเดือนพฤศจิกายน ซึ่งชีวิตเด็กปี 4 เป็นอะไรที่วุ่นวายมาก ทั้งต้องเตรียมงานนำเสนออาทิตย์ต่ออาทิตย์ ต้องส่งการบ้านวันต่อวัน แต่ละอย่างเป็นงานใหญ่ที่ต้องมีการเตรียม การซักซ้อม ไม่ใช่เพื่อให้คะแนนออกมาดี แต่เพื่อไม่ให้อาจารย์ด่าว่าทำงานไม่สมกับเป็นปีแก่ จนไม่อยากจะทำอะไรนอกเหนือจากการเรียนและทำการบ้านทั้งสิ้น
จนกระทั่งได้พี่มาร์ตินมากระตุ้นก่อนวันปิดรับสมัคร 2 วัน พี่เขาบอกว่าให้ลองสมัครดูอีกปี ไหน ๆ ก็พยายามสมัครมา 2 ปีแล้ว ลองพยายามดูอีกครั้งจะเป็นอะไรไป ก็ตัดสินใจล็อกอินเข้าระบบนั่งกรอกข้อมูล แต่ยังไม่ตอบคำถามนะ คัดลอกทุกคำถามมาใส่ใน Google Keep เพื่อที่จะได้นั่งพิมพ์คำตอบได้อย่างสะดวก แต่แล้วก็ตอบคำถามไม่เสร็จภายใน 2 วันนั้น เพราะที่มหาวิทยาลัยกลุ่มของผมจะต้องเปิดร้านขนมไทย ซึ่งมันเสียเวลาไปกับการตกแต่งร้าน การยืนขายของทั้งวัน ก็เลยบอกกับตัวเองว่าถ้าปีนี้ทางค่ายไม่ต่อเวลา ก็คงจะไม่สมัครละ ปล่อยไปเลย
เนื่องจากระบบผิดพลาด ทางค่ายต่อเวลาให้อีก 2 วัน โล่งอก ได้เวลาเพิ่มมาอีก 48 ชั่วโมง ช่วงที่เรียนก็พยายามหาโอกาสมานั่งพิมพ์คำตอบอยู่เรื่อย ๆ วันสุดท้ายของการสมัคร เวลาประมาณ 19.00 น. ก็มาล็อกอินในระบบค่ายอีกครั้ง ปรากฏข้อมูลที่กรอกไว้ทั้งหมดหายยยยย ใช่ครับทุกอย่างมันหายไป ทั้งประวัติส่วนตัว ผลงาน รวมไปถึงการตอบคำถามของตัวเอง แต่โชคดีอย่างที่คำตอบของตัวเองทั้งหมดมีการคัดลอกไว้แล้ว เลยทำให้เหลือแค่พิมพ์คำตอบที่เหลือทั้งหมดและกดส่ง ผมกดส่งตอน 23.51 น. เรียกได้ว่าใช้เวลาจนเกือบจะถึงนาทีสุดท้าย
ประกาศผล วันนั้นจำได้เลยว่า พยายามจะฝืนร่างกายตัวเอง เพื่อให้ถึงเวลาประกาศผล แต่มันเหนื่อยมาก ไม่รู้เหนื่อยกับอะไรมาทั้งวันเลยตัดสินใจหลับไปเลย ไม่ลุ้นแล้ว ตื่นมาค่อยมาอ่านก็ได้ ตื่นมาตอนตี 2 ยังไม่ทันจะเข้าเว็บ ywc.in.th เลยครับ รุ่นพี่ก็ทักมาแสดงความยินดีแล้วที่เข้ารอบสัมภาษณ์ ก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง พอเข้าเว็บเพื่อจะไปดูโจทย์การบ้านปีนี้ ร้องโอ้โหวเลยยย เพราะโจทย์ปีนี้คือให้เลือกทำระหว่างสรุปรายการเดินหน้าประเทศไทย/เดินหน้าประเทศไทย วัยทีน หรือทำสรุปการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปี 2562 ซึ่งมันหิน ๆ ทั้งนั้น
แน่นอนครับ ด้วยความที่เป็นทีม #ยามเฝ้าจอ ประกอบกับชอบเปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้ ผมจึงเลือกสรุปรายการเดินหน้าประเทศไทย วัยทีน แบบที่ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา 1 อาทิตย์ก่อนสัมภาษณ์ผมนั่งไล่ดูคลิปรายการย้อนหลังไปประมาณ 3 เดือน เพื่อที่จะคัดเลือกตอนที่ตัวเองจะสรุปได้ง่ายมากที่สุด จนไปเจอกับคลิปเดินหน้าประเทศไทย วัยทีน ตอนที่รัฐบาลกำหนดนโยบายการรู้เท่าทันสื่อของเยาวชน ผมจึงได้เลือกมาเป็นการบ้านของผม และสรุปมันออกมาให้อยู่ในรูปแบบของวิดีโอสั้น ขนาดสี่เหลี่ยมจัตุรัส (อีกแล้ว) ชมคลิปการบ้านได้ที่นี่
วันสัมภาษณ์ คิวแรกของวัน ตื่นแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัว รีบไปที่ตึก CP ด้วยรถไฟฟ้า MRT เป็นปีแรกที่ไม่ต้องรีบวิ่งเข้าตึก เดินสบาย ๆ ชมนกชมไม้ทำจิตใจให้สงบพยายามไม่ตื่นเต้น “น้องมาสัมภาษณ์ค่าย YWC ใช่ไหมคะ” พี่สตาร์ฟหน้าตึกกล่าวทักทายกับผม “ใช่ครับ” “น้องสัมภาษณ์ลำดับที่ 1 นะคะ ขึ้นไปเตรียมตัวได้เลย” อะไรนะ สัมภาษณ์เป็นคิวแรก หลังจากพยายามไม่ตื่นเต้นก็คงทำไม่ได้ละ อัตราการเต้นหัวใจน่าจะพุ่งปรี๊ดขึ้นมาเรื่อย ๆ แน่
คิวที่ 1 เชิญครับ เติ้ล บรรณาธิการ spaceth.co กล่าว ผมลุกขึ้นพร้อมเดินไปกับน้องเขา ไปนั่งรอหน้าห้องประหนึ่งว่ากำลังจะต้องไปให้ปากคำกับด่านตรวจคนเข้าเมือง
กำลังโดนเชือด “ขออนุญาตนั่งนะครับ” เป็นคำพูดแรกในห้องสัมภาษณ์ของผม ผมเริ่มด้วยการแนะนำประวัติตัวเองอย่างคร่าว ๆ ชื่ออะไร เรียนคณะไหน ผลงานตัวเองมีอะไรบ้าง หลังจากนั้นผมก็นำเสนอการบ้านของตัวเองต่อโดยทันที กรรมการไม่รอช้ายิงคำถามผมมารัว ๆ
มีผลงานอะไรเด่น ๆ บ้าง ทำไม? ถึงเลือกทำเว็บไซต์ชุมชนเพื่อสุขภาพชาย ได้ติดตามข่าวไอคอนสยามหรือเปล่า ถ้าให้ทำคอนเทนต์หนึ่งอย่างเกี่ยวกับไอคอนสยามจะทำอะไรที่ไม่ซ้ำกับคนอื่น ถ้าให้ทำการบ้านเรื่องการเลือกตั้งปี 62 จะทำออกมาในรูปแบบไหน เพราะอะไร อยู่ปี 4 แล้วถ้าได้เข้าค่ายจะมาช่วยงานปีหน้าได้หรือไม่ จะประชาสัมพันธ์ค่ายด้วยวิธีไหนให้คนมาสมัครเยอะที่สุด จะดึงเพื่อนมหาวิทยาลัยอื่นมาสมัครค่ายได้อย่างไร คอนเนคชั่นเราเป็นยังไงบ้าง …. ผมพยายามฟังทุกคำถามอย่างละเอียด เพราะติดนิสัยชอบเกริ่นนำทำให้บางครั้งกลายเป็นการตอบที่ไม่ตรงกับคำถาม คำตอบของผมตอบออกมาด้วยความมั่นใจ พยายามที่จะไม่แสดงความกังวลออกมา หลังจากสัมภาษณ์เสร็จผมรู้สึกต่างจากปีอื่นมาก ปกติหลังจากสัมภาษณ์ผมจะมานั่งดาวน์ มานั่งบ่นกับรุ่นพี่ แต่ปีนี้สัมภาษณ์เสร็จยังไม่ถึง 10 โมง ลงไป True Coffee สั่งกาแฟโบราณ นั่งอ่านนิตยสารอย่างสบายใจ
ติดค่ายยยย หลังจากกด F5 หน้าเว็บตลอดทั้งวัน ตอนประมาณ 5 ทุ่มกว่าก็ประกาศผลว่าผมติดค่ายในปีนี้ รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ผมรู้สึกขอบคุณตัวเองที่พยายามจนมาถึงจุดนี้ได้ ขอบคุณรุ่นพี่ ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่คอยให้กำลังใจกันเสมอ เหนือสิ่งอื่นได้ผมรีบเปิดแอปธนาคารโอนเงิน 500.07 บาทเพื่อยืนยันการเข้าค่ายทันที ถ้าปล่อยทิ้งไว้หรือชะล่าใจก็น่าจะลืมเป็นแน่
ยินดีด้วยคุณผ่านการคัดเลือก วันที่ 1 – 22 ธันวาคม 2562 ค่ายปีนี้จัดที่คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ด้วยความที่อยู่นนทบุรีเลยต้องรีบออกจากบ้านเร็วเป็นพิเศษ พอถึงไปสถานที่จัดค่ายก็ลงทะเบียน รับป้ายชื่อ รับ Tag ติดกระเป๋า ตามขั้นตอนมาตรฐานทั่วไป หลังจากนั้นก็เข้าไปในห้อง Auditorium เพื่อรับชมการเปิดค่าย การเสวนาพิเศษ
เหตุการณ์ในวันนี้มีแต่จุดหักมุม ตั้งแต่กิจกรรม ไปจนถึงการแบ่งกลุ่ม ชอบการพยายามทำกลุ่มหลอกขึ้นมามาก เป็นอะไรที่ประทับใจสุดถึงความพยายาม จนต้องถามพี่กลุ่มว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มสุดท้ายหรือยัง กำหนดการนี้เป็นกำหนดการจริงหรือหลอก กลายเป็นว่าเดาอนาคตตัวเองไม่ถูกเลยว่าจะเจออะไรต่อไป
TOWN A คือกลุ่มสุดท้ายที่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว พอได้เจอกับเพื่อน ๆ ในกลุ่มก็รับรู้ได้ถึงความโหดแต่ละคน มาจากจุฬา มหิดล เชียงใหม่ พระจอมเกล้า รวมไปถึงมีน้องเป็นเด็ก ม.6 ที่โดดสอบกลางภาคมาจากเตรียมฯพัฒน์ด้วย ด้วยความที่เราเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนเพียงคนเดียว ก็พยายามจะถ่อมตัว เน้นเป็นผู้ฟังที่ดีมากกว่า
เวลาระดมไอเดียก็มาถึง โจทย์ดูเหมือนจะไม่ยากนะ แค่คิดว่าตัวเองมีปัญหาอะไร ก็นำเสนอออกมาให้เพื่อน ๆ ได้รับรู้ ประเด็นปัญหาที่ได้รับเลือกคือ “กาแฟ” ยอมรับเลยว่าตัน ถึงแม้จะเป็นคนชอบกินกาแฟอยู่ แต่ก็ไม่ได้เป็นคนที่รู้รายละเอียดและปิดกั้นรสชาติของตัวเองว่าต้องเป็นเมล็ดจากประเทศนี้ สายพันธ์ุแบบนี้เท่านั้น คือกินได้หมดขอแค่ให้เราตื่น แต่เมื่อเพื่อน ๆ ในทีมโหวตแล้ว เราก็ต้องยอมรับการตัดสินใจของทีมและพยายามทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด
ยิ่งถล้ำลึกยิ่งถอนตัวออกมายาก ประเด็นหลักของคืนนี้คือทุกคนจะต้องช่วยกันคิดปัญหา วิธีแก้ปัญหาออกมาให้ได้ เพราะกำหนดการวันถัดไปจะต้องลงพื้นที่ไปสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนกลุ่มเป้าหมาย นั้นหมายความว่าถ้าปัญหาหรือวิธีการแก้ไขปัญหาของเราไม่ชัดเจน จะทำให้เราไม่ได้ลงพื้นที่ซึ่งจะเป็นผลเสียแน่นอน คนในทีมช่วยกันออกแบบหน้าตาเว็บ จุดขาย โมเดลธุรกิจทุกอย่างเสร็จสรรพแล้ว แต่พอไปปรึกษากับรุ่นพี่ซีเนียร์เขาก็ชี้ให้เห็นจุดบอดอย่างชัดเจน ที่มันไม่สามารถที่จะแก้ไขได้ด้วย จนคนในกลุ่มต้องมานั่งปรึกษากันก่อนจะถึงชั่วโมงสุดท้ายในการระดมไอเดีย ว่าจะทำยังไงต่อ จะไปต่อไหม หรือจะรื้อทำใหม่ สีหน้าของทุกคนตอนนั้นเหนื่อยมาก ยิ่งมีรุ่นพี่เดินเข้ามาในกลุ่มแล้วบอกให้เริ่มขั้นตอนแรกใหม่ก็เริ่มท้อกันเข้าไปใหญ่
ตามหาน้องหมาน้องแมว เป็นอีกไอเดียที่ได้รับการเลือก แต่ทุกคนในทีมก็ยังไม่อินกับหัวข้อนี้ จนกระทั่งมีรุ่นน้องคนหนึ่งได้เล่าประสบการณ์ให้คนในกลุ่มฟังว่า การทำน้องแมวหายไปจากบ้านอารมณ์ความรู้สึกของเจ้าของเป็นอย่างไร ซึ่งหลังจากฟังจบจากการที่อินอยู่แล้วตั้งแต่แรก มาเจอเรื่องราวของน้องยิ่งอินเข้าไปใหญ่ เราก็เปลี่ยนฝั่งจากผู้ฟัง มาเป็นผู้สนับสนุนหัวข้อนี้อย่างเต็มตัว จนสุดท้ายโปรคเจคตามหาน้องหมาน้องแมวก็ได้รับการยอมรับจากคนในกลุ่ม
กลับถึงโรงแรมที่พัก พูดได้คำเดียวว่าโอ้วววว ห้องใหญ่มาก มีไดร์เป่าผม ห้องน้ำ 2 ห้อง นอนห้องละ 2 คน รับรู้ได้ถึงการเตรียมการอย่างดีของทีมจัดค่าย กลุ่มของผมนัดคุยงานกันตอน 0.30 น. ก็มีพี่บ้านทั้งพี่ทนกับพี่ฟางฟางก็มานั่งอยู่เป็นเพื่อน คอยช่วยเสนอไอเดียอยู่ตลอดเวลา ทางทีมพยายามจะทำให้ไอเดียออกมาเป็นรูปธรรมมากที่สุด ทั้งฟีเจอร์ทั้งหมดที่เว็บเรามี หน้าตาเว็บจะเป็นอย่างไร คุยกันเสร็จเกือบๆ ตี 4 ครึ่งก็แยกย้ายกันไปนอน
วันที่ 2 – 23 ธันวาคม 2561 “ล้อหมุน 7 โมงนะคะ รีบลงมาทานอาหารเช้า ถ้ามาไม่ทัน skip ไปข้าวเที่ยงได้เลย” พี่บ้านเตือนในไลน์กลุ่ม วันนี้ผมรีบลุกอาบน้ำตั้งแต่เช้า เพราะเป็นคนอาบน้ำช้า อาบเสร็จรีบลงไปกินข้าว ร้องโอ้เป็นรอบที่ 2 โรงแรมอาหารดีมาก มีทั้งชา กาแฟ ขนมปัง ไส้กรอก ซุป แฮม ไข่ดาว เลือกผสมปนเปได้เลยว่าจะกินแบบไทยหรือเทศ
เช้าวันนี้กลุ่มของเราง่วนอยู่กับการลงพื้นที่สัมภาษณ์หา Insight ของกลุ่มเป้าหมาย เราแบ่งกลุ่มกันเป็นออกเป็น 4 ทีม ทีมละ 2 คน เพื่อแยกย้ายกันไปสัมภาษณ์ที่สวนพระนคร ทางค่ายก็ได้จัดเตรียมรถรับส่งไว้ให้ เป็นรถสองแถว ที่สามารถเดินทางได้ในรัศมี 5 กิโลเมตรจากคณะ พอถึงสวนพระนครทุกคนต่างรู้หน้าที่ตัวเอง ก็รีบหาข้อมูลให้เร็วที่สุดเพราะเวลามีอยู่อย่างจำกัด การพูด การสัมภาษณ์เป็นสิ่งที่ผมชอบมาก เพราะมันไม่ต้องเขียน พยายามดึงทักษะของตัวเองออกมาใช้สัมภาษณ์ในครั้งนี้
ลงพื้นที่หา Insight หลังจากได้ข้อมูลเป็นที่พอใจและเวลาเหลือ ทางกลุ่มและพี่บ้านก็ตกลงกันว่าจะไปต่อที่พาซิโอ เพราะก่อนจะออกเดินทาง ทางทีมจัดค่ายได้ให้เงิน 500 บาทเป็นค่าอาหารกลางวันของแต่ละกลุ่ม กลายเป็นโจทย์ที่ยากอีกอย่างหนึ่งว่าในงบ 500 บาทจะกินอะไรกันดี หวยเลยมาออกที่ KFC
กลับมาถึงคณะก็แยกย้ายกันอบรมตามสาขา ในบ่ายวันนี้สาขาคอนเทนต์อบรมกับพี่เอ็มและปอง ทำให้ผมได้รู้ถึงระดับความสามารถของตัวเองที่มีน้อยกว่าที่ตลาดต้องการมาก ทำให้เราต้องฝึกฝนและพยายามขึ้นให้มากกว่านี้
กิจกรรมสันทนาการ ชอบของช่วงเย็นวันนี้มากที่สุดจนต้องเขียนถึง ลักษณะกิจกรรมเป็นเกมง่าย ๆ แค่ต้องชิงธงเมืองอื่นให้ได้เยอะที่สุด บ้าน A ได้อยู่สีแดง มีฐานที่มั่นอยู่ใกล้กับห้องน้ำและเครื่องถ่ายเอกสาร แค่เริ่มเกมผมก็ตีมึนแล้ว หาบ้านตัวเองไม่เจอ เดินไปไหนก็เจอแต่สีอื่น จนพี่ฟางต้องมาตามกลับบ้าน พอเริ่มเกมนับได้ว่าเป็นเกมที่ดุเดือดมาก มีทั้งขโมย จับกัน ล้อมกัน ทำให้เรารู้ตัวเองเลยว่าเหนื่อยง่ายแค่ไหน วิ่งตามเพื่อน ๆ ไม่ค่อยทัน แต่เมื่อใดที่ได้อยู่กับกลุ่มเพื่อน ถึงไหนถึงกัน จำได้ว่าน้องกร บรรณาธิการ spaceth.co ได้วิ่งเข้ามาในเขตสีแดง ซึ่งน้องเป็นสมาชิกของสีอื่น ทำให้เจ้าบ้านอย่างพวกผมกว่า 5 คน รุมล้อมน้องเขาไว้ น้องพยายามจะมุดหนีใต้โต๊ะ ด้วยความที่เราอยู่ปี 4 ก็เกิดคำถามในใจ “เราจริงจังกันไปปะวะ” “ถ้าน้องหัวแตกขึ้นมาจะทำยังไง” 3 คนในทีมก็พยายามจะแย้งป้ายสีของน้องกร ส่วนผมกับเพื่อนอีก 1 คนก็พยายามจะเซฟน้องกรไว้ ไม่ให้ล้ม ไม่ให้หัวไปชนกับโต๊ะ ด้วยความคิดง่าย ๆ ว่า “ถ้าน้องเกิดอุบัติเหตุมา เราไม่รู้จะมองหน้าน้องยังไง” พอสรุปกิจกรรม คะแนนที่ได้จากการชิงธงบ้านอื่น ที่ได้จากการเปิดกล่องพิเศษไม่สำคัญเลย เพราะที่สุดแล้วเกมนี้เป็นเกม “เผยสันดาน” ให้เห็นลึกๆ ว่าเป็นคนยังไง มีความเป็นผู้นำหรือเปล่า เป็นคนก้าวร้าวหรือไม่ ทำงานเป็นทีมได้หรือเปล่า ซึ่งพอได้รู้อย่างนั้นแล้วก็สะพรึงเบา ๆ เพราะท้ายที่สุดเราก็ได้รู้จักนิสัยส่วนลึก ๆ ของตัวเอง
YWC War เกมสันทนาการที่มันที่สุด และเหนื่อยที่สุดเช่นกัน ถึงเวลาระดมไอเดีย ถึงแม้กำหนดการจะให้เวลาถึง 3 ชั่วโมง แต่ก็บอกได้คำเดียวว่าไม่พอ กลุ่มของผมพยายามจะตบประเด็นให้ได้ ว่าสรุปแล้วเราควรจะมีฟังก์ชันอะไรบ้าง ถ้าผู้ใช้งานเข้าเว็บไซต์ของเราแล้วจะทำอะไรต่อ สิ่งที่เห็นได้ชัดคือเมื่อทุกคนเห็นภาพเดียวกันแล้ว การทำงานราบรื่นขึ้นกว่าวันแรกมาก ใครที่ถนัดด้านไหนก็จะแสดงความคิดเห็นออกมาว่าควรเป็นแบบนี้ รุ่นพี่ซีเนียร์ก็เห็นด้วยกับเรามากขึ้น แต่ก็หาจุดบอดให้เรากลับไปคิดและแก้ไขกันต่อ
ถึงโรงแรม เราก็นัดกันเวลาเดิมคือ 0.30 น. เป้าหมายของเราในคืนนี้คือการร่างเว็บไซต์ออกมาให้สมบูรณ์มากที่สุด เพราะพรุ่งนี้เช้ากว่า 9 ชั่วโมง ทั้งทีมจะต้องนั่งทำเว็บไซต์นั้นออกมากจริง ๆ และแล้วคืนนี้เราก็นอนตี 4 กันอีกเหมือนเดิม
วันที่ 3 – 24 ธันวาคม 2561 ค่าย ywc#16 ดำเนินมาถึงวันสำคัญที่สุด นั้นก็คือวันทำ Workshop เมื่อถึงเวลาทำงานจริง ทุกคนแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจนตามสาขาที่ตนสมัครเข้ามา ผมทำงานร่วมกับน้องจุ้ย ซึ่งผมให้น้องเขานำทีมคอนเทนต์และสั่งผมมาเลยว่าเราจะทำอะไรกันบ้าง จุ้ยกับผมก็เลยตัดสินใจว่าเราจะเตรียมข้อมูล รายละเอียดของสุนัขทั้งรูปภาพและข้อมูลให้กับฝั่งโปรแกรมเมอร์ และฝั่งมาร์เก็ตติ้ง แก้ไขคำที่ทางฝั่งดีไซน์ร่างไว้ให้ ทุกคนในกลุ่มทำงานเป็นทีมกันมาก
1 ชั่วโมงของการทำ Workshop ผ่านไป ทางฝั่งคอนเทนต์เตรียมข้อมูลสำหรับน้องหมาเสร็จทั้งพันธุ์ พิกัด ลักษณะ จุดเด่น ฯลฯ ก็เลยทำอย่างอื่นต่อซึ่งก็คือการเขียนรายละเอียดเกี่ยวกับหน้า ผมรับผิดชอบหน้า Donation ส่วนน้องจุ้ยทำ About Us และ Review จนฝั่งเราทำเสร็จก็เลยไปนั่งเขียนบทความกันต่อคนละ 1 บทความ ผมเขียนบทความสัมภาษณ์ตัวเอง ส่วนน้องจุ้ยเขียนเกี่ยวกับ 6 วิธีสังเกตสุนัขจะออกจากบ้านพร้อมวิธีป้องกัน
หลังจากนั้นพวกเราก็กระโดดลงไปนั่งทำแฟนเพจเฟซบุ๊ก ทำโพสต์ ใส่รายละเอียดต่าง ๆ เมื่องานคอนเทนต์ดูสมบูรณ์แล้ว น้องจุ้ยก็ลงไปช่วยฝั่งโปรแกรมเมอร์ ซึ่งผมช่วยอะไรคนอื่นไม่ได้เลย เขียนโปรแกรมไม่ได้ ก็เลยลองไปดูฝั่งมาร์เก็ตติ้งว่าพอจะช่วยอะไรได้บ้างไหม ปรากฏก็มีแต่งานที่เราทำไม่ได้อีกเช่นกัน ตอนนั้นรู้สึกดาวน์หนักมาก ที่ไม่สามารถจะช่วยอะไรทีมได้เลย
จนพี่ทนซึ่งเป็นพี่บ้านก็ได้เข้ามาคุยว่าเป็นอะไร ผมก็พูดประมาณว่ารู้สึกตัวเองไร้ประโยชน์อย่างมาก ที่ช่วยอะไรคนอื่นไม่ได้เลย พี่ทนเห็นอย่างนั้นไม่รอช้าครับ หางานมาให้ทำทันที นี่ ๆ เอ็งคิดเมนูเลยจะชื่ออะไร ใส่แคปชั่นยังไง ไปหาภาพมาด้วยขอลักษณะภาพแบบนี้ ตกแต่งมันด้วยนะ มันทำให้เราฮึดสู้อีกครั้ง ถึงแม้เราจะลงไปช่วยงานอื่นไม่ได้มากนัก เราก็ขอทำหน้าที่ของฝั่งตัวเองให้ดีสุดเท่าที่เราจะทำได้
ช่วง 10 นาทีสุดท้ายของการ Workshop ทุกคนไปรุมอยู่ที่น้องแป้ง เพื่อจะรอดูเว็บไซต์ออนไลน์ น้องเขาพยายามจะดีพลอยเว็บ แต่มันก็มีปัญหาเกิดขึ้น ทุกคนในทีมลุ้น จนสุดท้ายหมดเวลาน้องก็ปล่อยโฮออกมา รู้สึกสะเทือนใจตัวเองมากๆ ที่ทำอะไรไม่ได้เลย ผมทำได้มากที่สุดคือการไปปลอบและให้กำลังใจว่า “แป้งทำดีที่สุดแล้ว ไม่ต้องซีเรียสนะ” “เก่งมาก” ทุกคนในกลุ่มพยายามให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ท้ายที่สุดพี่ซีเนียร์ก็เขามาดูและทำให้เว็บไซต์ออนไลน์สำเร็จ
เวลาของปาร์ตี้ก็มาถึง ธีมปีนี้คือผีร้าย ก่อนจะมาค่ายผมก็คิดว่าจะเป็นตัวอะไรดี ก็เลยเลือก “คาโอนาชิ” ลงทุนสั่งหน้ากากและซื้อผ้าดำยาว 4 เมตรสำหรับปาร์ตี้นี้โดยเฉพาะ พองานเริ่มน้องดิวบอกพี่แบบนี้ไม่สนุก มาเดี๋ยวหนูเพ้นท์ให้ เอาวะถ้ามันไม่ดีน้องคงจะไม่แนะนำ น้องก็เพนท์หน้าคาโอนาชิให้เราเลย ซึ่งก็ออกมาน่ารักมาก เราก็เลยยกหน้ากากคาโอนาชิให้น้องจุ้ยไป
ส่วนของกินกับเพลงก็ถือได้ว่าเป็นเหมาะสมอย่างมากที่จะมาเป็นตัวปลดปล่อยความกดดัน ความเครียดทั้งวัน ผู้สนับสนุนเขาโหดจริง ๆ มีทั้งพิซซ่า เกี๊ยว และซาลาเปาจัดเต็มหมด ปิดท้ายคืนด้วยไอติมที่มีโลโก้ค่ายอยู่ ขออนุญาตเรียกว่านวัตกรรมเพราะเอาลิ้นไปแตะปุ๊ปตื่นทันที
ไอติมนวัตกรรม เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ เพราะพรุ่งนี้เราจะต้องนำเสนอผลงานที่คิดกันมาตลอด 3 วัน 2 คืน ต่อหน้าคณะกรรมการ ซึ่งเท่าที่ไล่ตามอ่านดูของแต่ละปีก็รับรองได้เลยว่ามีความเผ็ดระดับร้อนแรง กลุ่มของผมกลับถึงที่พักประมาณ 23.30 น. รุ่นน้องในกลุ่มก็นัดมาในไลน์ว่าจะคุยงานกันตอน 0.20 น. โอเคไหม ทุกคนก็ตอบตกลง ผมก็จัดแจงอาบน้ำแต่งตัวรอจนกระทั้งใกล้เวลา 0.20 น. น้องก็ทักมาอีกว่าอาบน้ำไม่ทันขออีก 10 นาที เราก็เลยคิดว่างั้นงีบเอาแรงสักพักก็คงจะดี
คำว่าสักพักไม่มีอยู่จริงผมเผลอหลับแบบจริงจังมาก คนอื่นในทีมพยายามปลุกห้องผม ทั้งเคาะ ทั้งเงี่ยหูฟัง ก็ไม่มีเสียงตอบรับออกจากห้อง 7501 แต่อย่างใด รุ่นน้องพยายามไลน์ พยายามโทร ผมกับจุ้ยก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับต่อสิ่งเร้านั้น จนสุดท้ายน้องดิวต้องลงไปขอกุญแจจากล็อบบี้มาเปิดห้องผม เพราะถ้าคนไม่ครบมันคุยงานไม่ได้แน่ ๆ
ใช่ครับกายหยาบผมตื่น แต่วิญญาณผมยังนอนอยู่ ผมเดินตาปรื่อลงไปกับน้องๆ เพื่อนั่งคุยกัน น้องแป้งพยายามหันมาถามผมว่า พี่ยังฟังหนูรู้เรื่องใช่ไหม นี่ก็พยายามพยักหน้าตอบกลับไป หลังจากนั้นน้องก็เริ่มแบ่งงานว่าใครควรจะพูดตรงไหน ซึ่งทุกคนก็เริ่มซ้อมพรีเซ็นต์ น้อง ๆ เริ่มขอความเห็นว่าตรงนี้จะพูดยังไงดี ด้วยความที่เราเรียนนิเทศ ประกอบกับเรียนวิชาพรีเซ็นต์มา 1 เทอมเต็ม ๆ ก็เลยลองเสนอไอเดียไปว่า ตรงนี้ควรเปิดด้วยประโยคคำถามนะ ตรงนี้น่าจะอธิบายแบบนี้ หลังจากผมนำเสนอไอเดียเสร็จน้อง ๆ ก็ดูจะเห็นพ้องกับสิ่งที่ผมนำเสนอด้วย ก็เลยมอบหน้าที่นำเสนอให้ตกเป็นของผมและของดิว
ผมทดลองนำเสนอต่อหน้ารุ่นพี่ซีเนียร์ พี่ๆ เขาก็ให้คำแนะนำอย่างดีมาก ไม่ควรจบแบบนี้นะ กราฟนี้มีปัญหาต้องอธิบายประมาณนี้แทน หลังจากนั้นกลุ่มของผมจึงกลับมานั่งซ้อมจับเวลากันต่อ โดยที่ทุกๆ คนในทีมช่วยกันดีมาก พี่อันนี้ผมว่าไม่ควรพูด พี่อันนี้เป็นประเด็นสำคัญใส่ไปด้วย อันนี้อ่านว่าเดลเซฟเวอร์นะ ไม่ใช่เดลเซิร์ฟเวอร์ระวังด้วยนะพี่ รอบสุดท้ายที่ซ้อมกันเวลาออกมาดีมากคือ 8 นาที 50 วิ ซึ่งทางค่ายกำหนดเวลานำเสนอไว้ที่ 10 นาที เพราะฉะนั้นผมมั่นใจว่ายังไงก็ตามเวลาก็ไม่มีทางเกิน จบวันจบคืนอันแสนยาวนานที่เวลา 4.15 น. (อีกแล้ว)
วันที่ 4 – 25 ธันวาคม 2561 เช้าวันนี้ผมพยายามทำตัวให้โล่ง สมองโปร่งมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเวลาขึ้นเวทีแล้วจะได้ตื่นเต้นน้อยลง และสามารถตอบคำถามกรรมการได้ดี ระบบสุ่มวันนี้เป็นรถไฟฟ้าซึ่งเมื่อรถไฟฟ้าวิ่งไปหยุดที่สถานีใดกลุ่มนั้นต้องพรีเซ็นต์ ตั้งแต่เริ่มสุ่มทีมแรกก็รับรู้ได้ว่า ภายในช่วงเช้าวันนี้รถไฟมันจะต้องมาหยุดที่สถานี A สักครั้ง หลังจากสุ่มไป 3 รอบ รถไฟก็มาหยุดที่สถานี A เป็นสัญญาณว่าการนำเสนอของกลุ่มผมจะต้องเริ่มต้นขึ้น
ขณะกำลังนำเสนองาน ผมขึ้นไปเปิดการพูดด้วยคำว่า “สวัสดี” ยิงต่อด้วยประโยคคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบแบบที่ซ้อมกับเพื่อนมาเมื่อคืน ทุกอย่างถูกดำเนินการเหมือนถูกจัดวางเอาไว้ ผมพูดเกริ่นเสร็จก็ต่อด้วยน้องดิวที่จะมาอธิบายถึงแผนธุรกิจ หลังจากนั้นผมกับน้องแป้งก็มาทำ DEMO เว็บไซต์กัน สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดในการนำเสนอครั้งนี้ก็คงเป็นประโยคปิดของผมที่ได้รับการแนะนำจากแม่แอ้มป์ว่าควรจะปิดอย่างไร กลายมาเป็นบทพูดที่ว่า “สุดท้ายนี้เราหวังว่าโปรเจคของเราจะเป็นส่วนเล็ก ๆ ที่ช่วยพัฒนาสังคมให้น่าอยู่ขึ้น มือทั้ง 16 มือของเราไม่อาจจะทำให้โลกทั้งใบเปลี่ยนแปลงได้ แต่เรามั่นใจว่าอย่างน้อยที่สุดมือทั้ง 16 มือนี้จะช่วยเปลี่ยนโลกของสุนัขสักตัวอย่างแน่นอน ซึ่งตอบโจทย์กับคอนเซ็ปต์ค่ายที่ว่า Ready to Disrupt นวัตกรรมเว็บเปลี่ยนโลก ขอบคุณครับ”
หลังจากนำเสนอเสร็จคำถามจากคณะกรรมการได้ถูกถาโถมเข้ามาหากลุ่มของพวกเรา หลาย ๆ คำถามเป็นคำถามที่มีการคิดกันไว้ก่อนล่วงหน้าอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถที่จะหาคำตอบสรุปได้ ทางกลุ่มจึงไม่ได้เลือกตอบคำถามนั้นไป ผู้ตอบส่วนใหญ่ก็ยกเครดิตให้กับโอ๊ตที่พยายามฟาดฟันกับกรรมการอย่างสุดความสามารถ
นำเสนอเสร็จก็ไม่มีความกังวลใดๆ แล้ว เรากล่าวคำว่าขอบคุณซึ่งกันและกันขณะรับประทานอาหาร ขอบคุณแป้งและดิวที่เขียนเว็บไซต์ให้ออกมาตามโจทย์ที่พวกเราคิด ขอบคุณวินและก๊อตที่ออกแบบเว็บไซต์ได้สวยงามทันสมัย ขอบคุณโอ๊ตและดิวที่คิดค้นแผนธุรกิจให้โปรเจคนี้สามารถดำเนินการต่อไป และขอบคุณจุ้ยที่ได้รังสรรค์คอนเทนต์มาประกอบเว็บไซต์ให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
นี่บ้านเอหรือบ้านทรายทอง ท้ายที่สุดผมมองว่าค่าย YWC#16 นี้ไม่ได้ให้แค่ความรู้ ไม่ได้ให้แค่อาหารที่พัก ไม่ได้ให้แค่เพื่อน แต่ยังได้ให้ประสบการณ์การทำงานกับคนอื่นที่มีพื้นฐานต่างกัน แต่ยังได้ให้มิตรภาพระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องที่เวลามีปัญหาก็พร้อมที่จะเข้ามาช่วยเหลือเสมอ แต่ยังได้ให้คำแนะนำดีๆ ที่สามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ หากถามผมว่าสรุปแล้วมันคุ้มไหมกับความพยายามตั้ง 3 ปีที่พยายามสมัคร ผมคงตอบได้แค่ว่าลองมาเข้าสักครั้งแล้วคุณจะได้รู้ด้วยตัวเองว่ามันคุ้มไหมกับความพยายามเหล่านั้น